ยุโรปตะวันออก 600-1000 ของ ต้นสมัยกลาง

จักรวรรดิเคียฟรุส

ดูบทความหลักที่: จักรวรรดิเคียฟรุส
เมื่อมีการรณรงค์ของแมกยาร์ ในคริสต์ศตวรรษที่ 10 ชาติต่างๆ ในยุโรปต่างก็ภาวนาขอความปรานีจากการรุกรานของฮังการี (“Sagittis hungarorum libera nos Domine” - พระเจ้าช่วยให้เราพ้นภัยจากศรของฮังการีด้วยเถิด)

ก่อนที่จักรวรรดิเคียฟรุสจะก่อตั้งขึ้น พรมแดนทางตะวันออกของยุโรปปกครองโดยชนคาซาร์ซึ่งเป็นชนสาขาหนึ่งของกลุ่มชนเตอร์กิกที่ได้รับอิสรภาพจากสมาพันธ์รัฐเกิร์คเติร์ก (Göktürks) ภายในนคริสต์ศตวรรษที่ 7 รัฐของชนคาซาร์เป็นรัฐของชนหลายเชื้อชาติทางการค้าขายที่รุ่งเรืองขึ้นมาได้จากจากควบคุมเส้นทางการค้าทางน้ำระหว่างยุโรปและตะวันออก และบังคับเก็บบรรณาการจากชนอาลัน, ชนมาจยาร์, กลุ่มชนสลาฟ, กอธ และชนกรีกในไครเมีย การค้าข้ายทำโดยเครือพ่อค้าที่เดินทางเพื่อทำการค้าชาวยิว (หรือ ชนราดาไนท์ (Radhanites) ) ผู้มีการติดต่อกับศูนย์การค้าขายไปจนถึงอินเดียและสเปน

เมื่อต้องผจญกับการขยายดินแดนของมุสลิม (Muslim conquests) ชนคาซาร์ก็หันไปเป็นพันธมิตรกับคอนสแตนติโนเปิลและปะทะกับฝ่ายอาณาจักรกาหลิป แม้ว่าจะเสียทีในระยะแรกแต่ก็สามารถยึดเดอร์เบนท์ (Derbent) คืนได้และสามารถรุกเข้าไปทางใต้ได้จนถึงไอบีเรียคอเคเชีย (Caucasian Iberia), แอลเบเนียคอเคเชีย (Caucasian Albania) และ อาร์มีเนีย การกระทำเช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการหยุดยั้งการขยายตัวของอิสลามขึ้นไปทางเหนือยังยุโรปตะวันออกอยู่หลายสิบปีก่อนที่ชาร์ลส์ มาร์เตลทำเช่นเดียวกันได้สำหรับยุโรปตะวันตก[24]

ในคริสต์ศตวรรษที่ 7 ดินแดนทางตอนเหนือของทะเลดำก็ถูกรุกรานโดยชนเร่ร่อน (nomad) ที่นำโดยบัลการ์ผู้ก่อตั้งอาณาจักรอันมีอำนาจเกรตบัลแกเรียภายใต้การนำของคูบรัต (Kubrat) แต่ชนคาซาร์สามารถกำจัดบัลการ์ได้จากทางตอนใต้ของยูเครนจนไปถึงกลางบริเวณแม่น้ำวอลกา (วอลกาบัลแกเรีย) และไปยังทางตอนใต้ในบริเวณแม่น้ำดานูบ (ดานูบบัลแกเรีย หรือ จักรวรรดิบัลแกเรียที่ 1) แม้ว่าจะมีการรณรงค์ต่อต้านคอนสแตนติโนเปิลอยู่กันเป็นระยะๆ แต่ชนดานูบบัลการ์ก็เปลี่ยนไปรับวัฒนธรรมของสลาฟอย่างรวดเร็วและรับภาษากรีกเข้ามาใช้จากคริสต์ศาสนา ความพยายามในการเผยแพร่คริสต์ศาสนาของนักสอนศาสนาสองคนนักบุญซิริลและนักบุญเมธอเดียสทำให้เกิดการประดิษฐ์อักขระสลาฟขึ้นเป็นครั้งแรก และภาษาท้องถิ่น (ที่ปัจจุบันเรียกว่าภาษาศาสนาสโลโวนิคเก่า (Old Church Slavonic) ) ก็กลายเป็นภาษาเขียนสำหรับหนังสือและบทสวดมนต์เกี่ยวกับคริสต์ศาสนา

การไล่โจมตีนักรบของ Svyatoslav I โดยกองทัพไบแซนไทน์ (จุลจิตรกรรมโดย John Skylitzes)

ทางด้านเหนือของเขตแดนของจักรวรรดิไบแซนไทน์ก็ได้มีการก่อตั้งรัฐสลาฟขึ้นเป็นครั้งแรก--เกรตโมราเวียที่ก่อตั้งขึ้มาโดยการอารักขาของจักรวรรดิแฟรงก์ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 9 โมราเวียเป็นบริเวณที่นักสอนศาสนาจากคอนสแตนติโนเปิลและจากโรมมาเผชิญกัน แม้ว่าสลาฟตะวันตกจะมายอมรับอำนาจคริสตจักรของโรมัน แต่นักบวชของคอนสแตนติโนเปิลสามารถเปลี่ยนจักรวรรดิเคียฟรุสซึ่งเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปขณะนั้นมาเป็นนิกายกรีกในราวคริสต์ทศวรรษ 990 จักรวรรดิเคียฟรุสปกครองโดยราชวงศ์วารันเจียนควบคุมเส้นทางการค้าที่เชื่อมบริเวณบอลติกในยุโรปเหนือกับไบแซนไทน์และตะวันออกโดยผ่านรัสเซีย เกรตโมราเวียมาถูกย่ำยีโดยมาจยาร์ผู้เข้ามารุกรานบริเวณพานโนเนียน (Pannonian Basin) ราวปี ค.ศ. 896

ทั้งก่อนและหลังการเปลี่ยนไปนับถือคริสต์ศาสนาชนรุสก็เริ่มเข้ามารุกรานคอนสแตนติโนเปิล ที่บางครั้งก็มีผลให้เกิดการตกลงในสนธิสัญญาทางค้าที่ให้ประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย ความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและจักรวรรดิไบแซนไทน์จะเห็นชัดได้จากการเสกสมรสระหว่างวลาดิเมียร์ที่ 1 แห่งคิเอฟกับเจ้าหญิงไบแซนไทน์แห่งราชวงศ์มาเซโดเนีย ซึ่งทรงเป็นเจ้าต่างประเทศองค์เดียวที่ได้ทำการสมรสกับเจ้าหญิงไบแซนไทน์ แม้ว่าเจ้าในยุโรปตะวันตกอื่นๆ ต่างก็พยายามแต่ไม่สำเร็จ การรณรงค์ของพระบิดาของวลาดิเมียร์ สวิยาโตสลาฟที่ 1 (Svyatoslav I) มีผลในการทำลายรัฐสองรัฐของบัลการ์และคาซาร์ซึ่งเป็นรัฐที่มีอิทธิพลที่สุดในยุโรปตะวันออกลงได้

จักรวรรดิบัลแกเรีย

ดูบทความหลักที่: จักรวรรดิบัลแกเรีย
รูปสัญลักษณ์เซเรามิกของนักบุญธีโอดอร์จากราวปีค.ศ. 900 ที่พบที่เพรสลาฟ

ในปี ค.ศ. 681 ชนบัลการ์ก็ก่อตั้งรัฐมหาอำนาจที่มามีบทบาทสำคัญในยุโรปและโดยเฉพาะในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้จนกระทั่งไปตกอยู่ภายใต้การปกครองของตุรกีในปี ค.ศ. 1396 ในปี ค.ศ. 718 ชนบัลการ์ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดต่อฝ่ายอาหรับไม่ไกลจากคอนสแตนติโนเปิลจนประมุขของบัลการ์ข่านเทอร์เวลได้รับสมญาว่าเป็น “ผู้ช่วยยุโรปให้รอดจากภัย”[25][26][27][28] การได้รับชัยชนะของบัลแกเรียเป็นการหยุดยั้งอนารยชนเผ่าต่างๆ ที่รวมทั้งเพเชเนก (Pechenegs) และคาซาร์) จากการโยกย้ายลึกเข้ามาทางตะวันตก และในปี ค.ศ. 806 ก็ได้ทำลายอาณาจักรข่านของอาวาร์ยูเรเชียภายใต้การปกครองของซิเมียนที่ 1 (ค.ศ. 893-ค.ศ. 927) บัลแกเรียก็กลายเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปที่กลายมาเป็นอันตรายต่อการอยู่รอดของจักรวรรดิไบแซนไทน์

หลังจากการยอมรับคริสต์ศาสนา ในปี ค.ศ. 864 แล้วบัลแกเรียก็กลายเป็นศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรมและการศาสตาของอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ของชนสลาฟ อักษรซีริลลิกก็ได้รับการประดิษฐ์ขึ้นโดยนักปราชญ์บัลแกเรียชื่อเคลเมนต์แห่งโอห์ริด ในปี ค.ศ. 885 วรรณคดี ศิลปะ และ สถาปัตยกรรมต่างก็รุ่งเรือง โดยการก่อตั้งสถานศึกษาหลายแห่งขึ้น ในปี ค.ศ. 927 บัลแกเรียออร์โธด็อกซ์ก็กลายเป็นนิกายศาสนาของรัฐของยุโรปนิกายแรกที่ได้รับอิสระมามีระบบการปกครองของตนเองโดยไม่ต้องขึ้นกับสถาบันศาสนาอื่น

ใกล้เคียง

ต้นสมัยกลาง ต้นสมอไทย ต้นไม้ตัดสินใจ ต้นไม้ของพ่อ ต้นไม้แบบที ต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่ว ต้นไม้ (ทฤษฎีกราฟ) ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง ต้นไม้ (โครงสร้างข้อมูล) ต้นไม้แดงดำ

แหล่งที่มา

WikiPedia: ต้นสมัยกลาง http://home.vicnet.net.au/~ozideas/poprus.htm http://calendar.dir.bg/inner.php?d=16&month=2&year... http://www.programata.bg/?p=62&c=1&id=51493&l=2 http://geography.about.com/library/weekly/aa011201... http://www.absoluteastronomy.com/topics/Rome http://www.britannica.com/eb/article-9239 http://www.britannica.com/ebi/article-207743 http://www.livescience.com/history/080623-hs-small... http://www.speedylook.com/Bulgaria.html http://www.unrv.com/empire/roman-population.php